ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่ามันเริ่มได้ยังไงกับไอเดียปั่นจักรยานเที่ยวไกลๆแบบนี้ แต่นี่ไม่ใช่ทริปแรกที่ผมออกปั่นเที่ยวไกลๆแบบนี้
ทริปแรก เป็นการปั่นเอาจักรยานที่เพิ่งซื้อใหม่จากเชียงใหม่กลับมา สุโขทัย
ทริปที่สอง เป็นการตอบรับคำชักชวนจากกลุ่มครูบ้าพลังจากขอนแก่น เป็นการปั่นจากสุโขทัยไปลาว แต่มีนั่งรถทัวร์บ้างนะ
ทริปที่สาม เป็นการคิดสนุกๆกับเพื่อนที่แช้มกับการปั่นจักรยานจากสุโขทัยไปเชียงดาวแล้วปั่นกลับ แต่ก็ไม่ได้เป็นไปตามแผนนะ
ทริปล่าสุด คือการปั่นจักรยานจักรยานจากสุโขทัย ไป ตรัง แบบอ้อมๆ แล้วก็นั่งรถไฟกลับ ใช้เวลาไปประมาณ 45 วัน
ทำไปเพื่อ?
นั่นหนะสิๆๆๆ ทำไปเพื่ออะไรวะ ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะอธิบายให้เข้าใจได้ยังไง แต่ถ้าให้พูดสั้นๆคงเป็นเพาะ มันทำให้ผมมีความสุข รู้สึกมีอิสระ และมันยังย้ำเตือนผมว่าทุกอย่างเป็นไปได้ การได้อยู่กับตัวเองบนจักรยาน ค่อยๆปั่นไปไม่ได้รีบร้อน ไม่มีแพลนที่แน่นอน ค่ำไหนก็นอนนั่น มันค่อยๆชาร์ตพลังของผมให้กลับมาเชื่อในตัวเองอีกครั้ง
Burn out
บางทีการทำงานไปเรื่อยๆ โดยมีจุดหมายเดียวคือการหาเงิน มันก็เกิดอาการ burn out เหมือนกัน มันทำให้ผมไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ แต่ชีวิตคนเราความสุขมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรื่องใหญ่โตเลย มันเกินจากเรื่องเล็กๆ ผมแค่ต้องถอยกลับมามองตัวเองและกลับมามีความสุขกับเรื่องเล็กๆให้ได้ เช่นการเรียนรู้อะไรใหม่ๆในแต่ละวัน การได้เล่นกับหมา(ผมมีหมาอยู่ตัวนึง) การได้ไปปั่นจักรยานตอนเย็น การได้เล่นกีต้าร์ร้องเพลง
แต่สุดท้ายเงินก็ยังสำคัญอยู่ดีและคนเราก็ต้องทำงาน การไปปั่นจักรยานทริปนี้ทำให้ผมเข้าใจความสุขจากเรื่องเล็กๆน้อยๆมากขึ้น รู้สึกยินดีกับสิ่งที่เราได้รับในชีวิตมากขึ้น และกลับมาหาความสุขความการทำงานและการได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆอีกครั้ง แต่ขอไม่ลงลึกเรื่องนี้ละกันเพราะนี่คือบทความปั่นจักรยานนะ !!!5555
การเตรียมตัว
นี่เป็นทริปแรกที่ผมจะปั่นจักรยานไกลมากขนาดนี้ และผมก็ตั้งใจว่าจะกางเต้นท์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ด้วย ผมมีจักรยานอยู่สองคันคือ MTB กับ Road Bike ทริปก่อนหน้านี้ผมเคยเอา Road Bike ไปปั่นทริป สุโขทัย เชียงดาวมาแล้ว ทริปนี้ผมเลยจะเอา MTB ไปบ้าง เพราะปั่นไกลมากด้วยแล้วก็ต้องแบกของเยอะด้วยการเอา MTB ไปคงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าแน่นอน
ซึ่งการแพ็คของเอาอะไรไปบ้าง คร่าวๆก็จะประมาณนี้
- เต้นท์แบบนอนคนเดียวน้ำหนักเบา
- multi tool จักรยาน
- สูบเล็ก
- เสื้อผ้าประมาณ 6 ชุด (แอบเยอะไปนะแล้วผ้าก็ไม่เหมาะสำหรับการปั่น)
- ยางใน 2 เส้น (ไม่พอหรอก)
- แผ่นรองนอน
- power bank 2 อัน (เยอะไปหนักส่งกลับบ้าน 1 อัน)
- Garmin edge GPS + Heart rate + cadence sensor
- รองเท้าเตะ + รองเท้าจักรยาน MTB
- ชุดเตาเล็กๆพร้อมหม้อ (สุดท้ายไม่ได้ใช้ส่งกลับบ้าน)
- เปลนอนกันยุง (ซื้อระหว่างทาง)
- อุปกรณ์อาบน้ำ ผ้าเช็ดตัว ครีมต่างๆ
- กล้อง Fuji XS10 + 18-55 lens
- Macbook Pro M1pro คือผมเป็นโปรแกรมเมอร์ แล้วผมใช้ชีวิตโดยไม่มีคอมไม่ได้จริงๆ
- กระเป๋า Alpaka – Bravo Sling MAX Pro เอาไว้ใส่ Mac แล้วก็เอกสารสำคัญ
พอแพ็คแล้วก็จะได้ตามภาพ
โดยจากรูปตรง frame bag ผมจะ DIY เอาตูดมดจากทริป เชียงใหม่ทริปก่อน เพื่อนผมชื่อแช้มได้ทิ้งเอาไว้ที่บ้านผม ผมเลยเอามาจัดการทำเป็น frame bag เลย(คือประเป๋าที่มันติดอยู่ตรงอานจักรยานในรูปหนะครับ) คือถ้าสั่งทำ frame bag ดีๆมันราคา 3-5 พันบาทเลย
ตรง fork หรือตะเกียบผมก็ซื้อ rack จากใน shopee ราคา 4xx มาติดเพื่อจะได้เก็บเต้นแล้วก็อุปกรณ์ทำครัว ตามภาพด้านล่าง
เท่านั้นแหละครับ แพ็คจักรยานแบบบ้านๆ แล้วก็หวังไว้ในใจว่ามันคงไม่มีปัญหาอะไร เพราะจริงๆแล้วผมก็ไม่อยากหาข้ออ้างให้ตัวเองมากว่าจะต้องมีอุปกรณ์ดี พร้อม แล้วถึงค่อยออกเดินทาง เพราะผมก็เห็นคนเอาจักรยานแม่บ้านปั่นยังได้เลย เพราะฉะนั้นผมก็ต้องรอดสิ ก็เดียวมาดูกันต่อไปว่าจะเป็นยังไงบ้าง
เริ่มออกเดินทาง (9 ตุลาคม 2566)
ผมลาออกจากงานแต่ก็ยังไม่ได้ออกเดินทางทันทีเพราะอ้างนั่นอ้างนี่ กลัวบ้าง อุปกรณ์ยังไม่พร้อมบ้าง ฝนตกบ้าง แล้วยุดีๆวันนึงผมนอนอยู่ประมาณสี่ทุ่มแล้วก็นอนไม่หลับมัวแต่คิดถึงเรื่องนี้ ก็เลยเดินออกมาเซ็ตรถ แพ็คของทั้งหมดยัดๆลงไปจนครับตามภาพด้านบน แล้วก็กลับมานอนตั้งใจว่าตอนเช้า 6 โมงจะออกเดินทางทันที แล้วผมก็หลับไป ตื่นมาประมาณ 6 โมงนี่แหละแล้วปรากฏว่าฝนตกหนักมากเพราะมันเป็นช่วงหน้าฝนนี่หน่า แต่ก็ยังใจสู้คิดว่าเดียวก็หยุด แล้วมันก็หยุดจริงๆ ผมชิงจังหวะรีบบอกลาแม่ แล้วปั่นจักรยานออกมาเลยพร้อมอุปกรณ์รุงรังมาก ทั้งกล้อง ทั้งคอม ทั้งเสื้อผ้าที่เยอะเกินไป ผมปั่นมาได้ประมาณ 5 กม แล้วก็ตามคาดฝนตกหนักสุดๆ คือถ้าสิวๆผมก็ไม่กลัวยุแล้วแต่นี่หนักมาก ก็ต้องจอดรออยู่หน้าโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง(รร ที่ผมเคยเรียนนี่แหละ) รอนานจดจูงรถผ่าฝนไปนั่งรอที่ร้านกาแฟแล้วก็เล่นคอมรอ
รอ…รอ… เวลาผ่านไปเกือบ 3 ชั่วโมง ฝนก็เบาลงกลายเป็นฝนชิวๆ ผมก็เอาวะจังหวะนี้แหละ ค่อยๆปั่นไป
ผมปั่นไปเรื่อยๆ จากทุ่งเสลี่ยม ไป สวรรคโลก จุดหมายปลายทางของวันนี้คืออุทธยานแห่งชาติแควน้อย เพื่อจะไปกางเต้นท์นอนที่นั่น ซึ่งระยะทางประมาณ 150km แต่เส้นทางที่ผมเลือกก็พยายามเลี่ยงถนนใหญ่สุดๆ เพราะไม่อยากเจอรถเยอะแล้วก็อยากใกล้ชิดกับธรรมชาติด้วย ฝนก็ตกชิวๆลงมาเรื่อยๆไม่หยุด ผมเริ่มแวะ 7-11 ซื้อเสื้อกันฝนกันไว้หน่อยเผื่อว่าฝนตกหนัก เพราะในใจก็กลัว Mac กับ กล้องจะพังเหมือนกัน แต่ด้วยกระเป๋า Alpaka – Bravo Sling MAX Pro มันกันน้ำได้ระดับหนึ่ง ซึ่งผมได้เทสตอนไปปั่นทริป สุโขทัย-เชียงดาวแล้ว ปั่นลุยฝนหนักมาก เปิดกระเป๋ามา Mac ยังแห้งสนิท แต่เป็นการทดลองที่เสี่ยงชีวิตสุดๆ ถ้าพังมาก็ไม่คุ้มเลย
ผมปั่นบ้างหยุดบ้างแวะบ้างเวลาเจอวิวสวยๆและก็ตามที่ฝนจะเอื้ออำนวยให้ผมปั่น ในหัวก็ดูเวลาและคำนวณในใจไว้ตลอดว่าจะปั่นถึงมั๊ย ซึ่งยากมากและก็คิดไว้ในใจไว้แล้วว่าแผนวันนี้คงแตก เอาเป็นว่าปั่นไปเรื่อยๆให้ไกลที่สุดค่ำที่ไหนก็ค่อยหาที่นอน
เวลาประมาณ 6 โมงหลังจากลุยฝนมาเรื่อยๆ มันก็คงถึงเวลาที่ผมควรจะหาที่พักอย่างจริงจังแล้ว มีคนบอกว่าฟ้าหลังฝนสวยเสมอ แต่จริงๆแล้วผมคิดว่าความงานมันมีอยู่ในทุกสิ่งอยู่ที่ว่าเราจะมองเห็นมันมั๊ย(ทำเป็นเท่ซะแล้ว555)
ผมเริ่มเปิด google map แล้วก็หาที่พักอย่างจริงจังก่อนที่ฟ้าจะมืดไปมากกว่านี้ ตอนนี้ผมอยู่ชายแดนของจังหวัดพิษณุโลกแล้ว(อำเภอพรมพิราม) ผมปั่นเข้าไปในเมืองและก็ได้ที่พักเป็นม่านรูดซักที่หนึ่งซึ่งจำชื่อไม่ค่อยได้ อ่อที่ผมบอกว่าทริปนี้ผมพยายามจะกางเต้นท์ให้ได้มากที่สุด วันนี้ก็คงผิดแผนไปอีกเช่นกัน เพราะมันคงจะดูใจร้ายกับตัวเองมากเกินไปที่ผมจะปั่นตากฝนทั้งวันแล้วยังต้องไปขอกางเต้นท์นอนในวัด ป้อมตำรวจ หรืออนามัย (ประเด็นผมไม่กล้าด้วยแหละ)
และวันแรกของการปั่นก็จบลงไป สรุปค่าใช้จ่ายของวันนี้น่าจะประมาณ 550 หลักๆก็คือเป็นค่าโรงแรม 350 บาท ตอนแรกผมพยายามจะเขียนทั้งทริปในบทความเดียวเลยนะ แต่ดูแล้วคงไม่ไหว คือทั้งเหนื่อยและยาวไป งั้นผมขอแบ่งเป็น EP ละกันนะครับ